รร พ่อแม่ออนไลน์ ตอนที่ 60
“เรื่องการลดตนเองเป็นศูนย์กลางไปจนถึงการทำงานเป็นทีมนี้มีกระบวนการพัฒนาเหมือนทุกๆเรื่อง
นั่นคือเด็กแต่ละคนเร็วช้าไม่เท่ากันและเราไม่เปรียบเทียบกัน หากเรากดดันเด็กคนหนึ่งให้รีบๆพัฒนา
เช่น แบ่งปันเร็วๆ หรือ ตัดคะแนนเมื่อร่วมทีมไม่ได้ เด็กมีโอกาสที่จะเกิดการติดขัดของพัฒนาการ ดังที่เรียกว่าหยุดอยู่กับที่หรือฟิกเซชั่น ไม่ไปต่อ พฤติกรรมนั้นเนิ่นช้าออกไป และถ้าเรากดดันหนักยิ่งขึ้น เช่น ดุด่าว่าตี หรือคัดชื่อออกจากทีม หรือแม้แต่คัดชื่อออกจาก รร เด็กอาจจะถดถอย
ดังที่เรียกว่ารีเกร๊ซชั่น พัฒนาการถดถอยไปอีกไกลเสียเวลาเริ่มต้นใหม่อีกหลายปีหรืออาจจะไม่ได้อีกเลย
พ่อแม่ ครู มีหน้าที่อบรมสั่งสอน และบางครั้งอาจจะต้องกดดันบ้างเป็นธรรมดา แต่ควรประเมินผลของการอบรมสั่งสอนหรือกดดันด้วยว่าได้ผลเพียงไรกับลูกของเรา “คนนี้” หรือ นร ของเรา “คนนี้” แล้วปรับแผนเมื่อพบว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี
แผนที่ดีกว่ามักเป็นเรื่องเปิดโอกาสให้เขาทำด้วยตนเอง แล้วเราชื่นชมส่วนที่พอดูได้หรือพอจะมีดี เด็กจึงจะรู้สึกดีต่อตนเองแล้วไปต่อได้ อีกทั้งลากส่วนที่ด้อยของตนเองไปข้างหน้าได้บ้าง
ครูมีหน้าที่มากกว่าสอน ประเมิน แล้วคัดเด็กที่เรียนไม่เก่ง พัฒนาการถดถอย หรือพฤติกรรมที่ไม่ดีทิ้ง ครูควรช่วยเหลือเด็กที่กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลังไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เช่น ยากจน หรือเกเร เพราะครูควรเป็นผู้มีความสามารถทำงานที่ยาก มิใช่งานที่ง่าย คล้ายๆวิชาชีพทุกชนิด ครูประถมสำคัญกว่าครูมัธยม และครูอนุบาลสำคัญที่สุด
ฐานที่ดีของพัฒนาการกำหนดอนาคตของประเทศ
ตอนต่อไป วัยรุ่น
Add a comment